“ฟู้ดแพชชั่น”ชี้ “ลูกค้า-พนักงาน”มีความสุข จะช่วยให้ธุรกิจแข็งแรงอย่างยั่งยืน 

2025-09-23 HaiPress

“ฟู้ดแพชชั่น” เจ้าของแบรนด์บาร์บีคิว พลาซ่า เผย กลยุทธ์ธุรกิจร้านอาหารที่ทำให้ทั้งลูกค้า และพนักงานมีความสุข ที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจแข็งแรงอย่างยั่งยืน เทรนพนักงานให้ดูแลลูกค้าธรรมดาที่แสนพิเศษ ชี้ความสุข และความผูกพันธ์ ไม่สามารถหาซื้อได้ตามห้าง ต้องใช้ใจสร้างความสุขและความผูกพันธ์ให้พนักงาน และต้องใช้เวลาสร้าง โดยใช้ใจยอดกระปุกในการสร้างความสุขให้พนักงาน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ก.ย. ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ “เดลินิวส์” ได้จัดงานเสวนา ‘Sustain Daily Talk 2025’ หัวข้อ สุขยั่งยืน : ร่วมลงมือทำ สู่แรงบันดาลใจ Sustainable Happines : An Act To Inspire โดยมีนางสิริวรรณ พันธุ์ปรีชากิจ กรรมการบริหารเดลินิวส์ นายนต รุจิรวงศ์ เลขานุการคณะกรรมการบริหาร น.ส.นลิน รุจิรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ (EVP) ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและการตลาด และนายภาสภณ เหตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายจัดส่งและยานยนต์ เดลินิวส์ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ภายในงานเสวนาได้รับเกียรติจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มาร่วมฉายภาพ กทม.เดินหน้าสร้างเมืองที่สุขได้จริง พร้อมด้วยเวทีเสวนาหัวข้อ “องค์กรสร้างสุขอย่างไร ให้พนักงานขับเคลื่อนธุรกิจไปด้วยกัน” จากผู้บริหารองค์กรทำจริง นำโดย นายทศพร นิษฐานนท์ กรรมการผู้จัดการ แอมเวย์ ประเทศไทย นางชาตยา สุพรรณพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์บาร์บีคิว พลาซ่า นายณัฐกร ไกรกุล ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืน บมจ.ปตท. ผู้บริหารรุ่นใหม่ และนายศุภเศรษฐ์ กิตติพล ซีอีโอ มีสุขฟาร์ม วิสาหกิจชุมชนที่ช่วยสร้างรายได้ชุมชน

นางชาตยา สุพรรณพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์บาร์บีคิว พลาซ่า กล่าวว่า ฟู้ดแพชชั่น นอกจากทำธุรกิจร้านอาหารแล้ว ยังมีโรงเรียนศูนย์การเรียรรู้ ฟู้ดแพชชั่น ที่เปิดให้น้องๆ มาเรียน และทำงานไปด้วย ได้วุฒิการศึกษาระดับ ปวช.เป็นการได้เรียนรู้ธุรกิจร้านอาหาร และทำงานไปด้วย ซึ่งในเรื่องนิยามของความสุข มีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ได้มาจากอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่แค่เรื่อง การเดินทาง หรือ เรื่องอาหารแล้วจะมีความสุข บริษัทจึงอยากให้ทุกคนในองค์กร ทั้งพนักงานและลูกค้า มีความสุข โดยบริษัทไม่ได้ทำแต่การขายอาหาร เราเปลี่ยนจากการขายอาหารเป็นการสร้างความสุข และไม่ได้อยากเป็นแบรนด์ที่ดังและขายดีที่สุด แต่อยากเป็นแบรนด์ที่คนรักและสร้างความสุขให้ลูกค้า คือเป้าหมายของบริษัท

“หน้าที่ของเราไม่ใช่แค่เสิร์ฟ หรือขายอาการ หรือทำโปรโมชั่น แต่เราต้องดูแลผู้คนให้มีความสุข วิชั่นของเรา เชื่อในวงจรของความสุข เริ่มต้นที่ดูแลพนักงานให้มีความสุข เพื่อส่งต่อควาสุขให้ลูกค้า เมื่อลูกค้าได้รับบริการที่ดีมีความสุข ก็จะบอกต่อๆ กันมีลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้น ก็จะทำให้ธุรกิจเราแข็งแรง เพื่อกลับไปดูแลพนักงานให้มีความสุขได้ เป็นวงจรไปเรื่อยๆ ซึ่งพิสูจน์มาแล้ว ว่าจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน โดยองค์กร เป็นธุรกิจที่ใกล้ชิดลูกค้า และมีการแข่งขันสูง จึงต้องเป็นนักสู้ และมีความคิดสร้างสรรค์คอยู่แสมอ เพื่อใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในการแข่งขัน และสุดท้าย ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็น พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น คู่ค้า หรือชุมชน ได้รับประโยชน์ และสุดท้ายแล้ว จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยื่น

นางชาตยา กล่าวต่อว่า ธุรกิจอาหารแตกต่างกับธุรกิจอื่นๆ  เป็นธุรกิจที่ใช้จำนวนมาก โดยบริษัทมีพนักงาน 3,500 คน ทำอย่างใรให้พนักงานทั้งหมด มีความสุข ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้พนักงาน โดยทุกกิจกรรมต้อง แสดงตัวอย่างให้พนักงานดูและเชื่อมั่น  เช่น ก่อนวันเปิดสาขาใหม่ ทุกอย่างต้องมีความพร้อม  จึงมีการให้พนักงานซักซ้อมการรันระบบต่างๆ โดยแบ่งพนักงาน  เป็น 2 ส่วน มาทดลองเป็นลูกค้า  และพนักงานบริการ เพื่อทดสอบทุกอย่างให้พร้อม แล้วสอบถามพนักงานมีความสุขในการรับประทานอาหารหรือไม่ และให้จำความสุขว่าหน้าตาเป็นแบบนี้ ให้จดจำไว้ในการส่งมอบความสุขแบบนี้ให้กับลูกค้า เป็นการแปล วงจรความสุขให้พนักงานจับต้อง และตีความได้

นอกจากนี้พนักงานเมื่อทำงานต้องสนุกและมีความสุขที่จับต้องได้ โดยบริษัทมีโครงการ แฮปปี้ 4 + 4 คือ กินดี,พักสบาย,กายแข็งแรง,แบ่งบันความรู้ และ จิตดี,ครอบครัวดี,มีเงินใช้,ให้สังคม ให้โอกาส โดยทุกกิจกรรมใช้งบน้อย แต่พนักงานมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม เช่น การร่วมทำความดี ทำความสะอาดวัด ช่วยเหลือชุมชน ซึ่งพนักงาน ทุกคนมีความสุขในการทำความดี

“ทุกโครงการที่ทำใช้เงินน้อย มีงบท่าไร และต้องการผลลัพธ์อย่างไร สามารถทำได้ถี่ ทุกกิจกรรมที่ต้องสร้างสรรค์และสนุก บางกิจกรรมก็ไม่ใช้งบประมาณเลย แต่สิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญ คือ อยากขายของด้วยแคมเปญ แต่จะดูด้วยว่าพนักงานได้อะไร มีส่วนรวมกับแคมเปญอย่างไรบ้าง พนักงานต้องอยากทำ อยากมีส่วนร่วม เช่น แคมเปญ คีบกุ้ง ที่มีพนักงานออกมาเชียร์ลูกค้า ให้คีบกุ้งได้เยอะๆ ลูกค้า มีความสุข สนุก และพนักงานก็มีความสุข และสนุกด้วยกัน เป็นต้น โดยบริษัทมีแนวคิดในการเทรนพนักงานให้ดูแลลูกค้าธรรมดาที่แสนพิเศษ”

สำหรับตัวชี้วัดในการวัดความสุขของพนักงานขององค์กรนั้น องค์กรไม่ได้มุ่งเน้นผลกำไรสูงสุด เราเชื่อว่า สร้างความสุขได้มากพอ ผลลัพธ์ ทางธุรกิจจะมาเอง เราจะเล่าสตอรี่ แบบนิทานให้พนักงานว่าเป้าหมายในการสร้างความสุขให้ผู้คนลูกค้า คืออะไร เช่น ทำมื้อนี้ให้ดีที่สุด แล้ววันพรุ่งนี้ และวันต่อไปจะดีเอง ทำดีกับคนตรงหน้า แล้วผลลัพธ์ จะตามมา เป็นต้น โดยมี 3 กุญแจ ในการความผูกพันพนักงาน คือ พูดดี หมายถึง พูดถึงองค์กรในแง่ดี อยู่นาน หมายถึง อยู่กับองค์กร อย่างยาวนาน ทุ่มเท หมายถึง ทุ่มเทเพื่อผลสำเร็จขององค์กร เมื่อทุกอย่างดี องค์กรเราก็จะสามารถแข่งขันกับอง์กรใหญ่ๆ ได้อย่างยั่งยืน สุดท้ายแล้ว ความสุข และความผูกพันธ์ ไม่สามารถหาซื้อได้ตามห้าง ต้องใช้ใจสร้างความสุขและความผูกพันธ์ให้พนักงาน ต้องใช้เวลาสร้าง เหมือนกับการใช้ใจยอดกระปุกในการสร้างความสุขให้พนักงาน.

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 วารสารธุรกิจไทย      ติดต่อเรา   SiteMap