BINANCE TH เผยผลสำรวจ 32.4% ผู้ใช้คริปโตยังเก็บ Private Keys บนคลาวด์ มี 96.5% เปิดยืนยันตัวตนสองขั้นตอน 2FA แล้ว

ภูมิทัศน์ของสกุลเงินดิจิทัลมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับวิธีการที่ผู้ใช้รับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัย การสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดย BINANCE TH ในประเทศไทยได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เผยให้เห็นว่าชุมชนคริปโตไม่เพียงแต่ใช้มาตรการความปลอดภัยพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังแสวงหาการป้องกันที่ชาญฉลาดและครบวงจรมากขึ้นอีกด้วย

“แทนรัก เชียงทอง” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (BINANCE TH) ระบุว่า “ความก้าวหน้านี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าเมื่อพฤติกรรมของผู้ใช้เติบโตขึ้น อุตสาหกรรมก็ต้องก้าวให้ทันด้วยการป้องกันที่ล้ำหน้าและเชิงรุกมากขึ้น เพื่อรับมือกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทางดิจิทัล”

การลดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย: ‘การให้ความรู้’ยังคงจำเป็นแม้จะมีความก้าวหน้า

การสำรวจนี้เน้นย้ำถึงแนวโน้มเชิงบวก: ผู้ใช้ส่วนใหญ่กำลังใช้แนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่จำเป็นอย่างแพร่หลาย ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 96.5% ได้เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) และ 81.8% ตรวจสอบที่อยู่ผู้รับอย่างสม่ำเสมอก่อนทำการโอน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงในการทำธุรกรรมประจำวัน

อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่ที่สำคัญยังคงมีอยู่สิ่งที่น่าตกใจคือ 32.4%ของผู้ใช้ยังคงจัดเก็บ Private Keys หรือ Seed Phrases บนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือบริการคลาวด์ ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นในการให้ความรู้แก่ผู้ใช้อย่างต่อเนื่องและการสื่อสารที่มากขึ้นเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยทางดิจิทัล

สิ่งที่เป็นข่าวดีคือความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ยังอยู่ในระดับสูง:57.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมการทดสอบจำลองการต่อต้านการหลอกลวงแบบโต้ตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้มีความน่าสนใจและมีแรงจูงใจ ความกระตือรือร้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของชุมชนต่อความรับผิดชอบส่วนบุคคลและหลักการDYOR (Do Your Own Research) ที่คงอยู่ตลอดไปในโลกคริปโต

ความยืดหยุ่นร่วมกัน: สร้างบนจุดแข็งที่มีอยู่

การสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นของชุมชนคริปโต แม้ว่า44.6% รายงานว่าเคยประสบกับการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับคริปโต แต่ส่วนใหญ่แสดงความพร้อมที่จะดำเนินการและ 66.8% กล่าวว่าพวกเขาจะติดต่อแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ทันทีเพื่อระงับสินทรัพย์ในกรณีดังกล่าว ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นในการป้องกันการสูญเสีย

ความไว้วางใจระดับสูงในระบบป้องกันของผู้ใช้มีต่อแพลตฟอร์ม ตอกย้ำคุณค่าของกลไกการป้องกัน แต่ยังเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญที่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลต้องปฎิบัติในการปกป้องผู้ใช้ การควบคุมความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง ระบบสนับสนุนที่ตอบสนอง และการดำเนินงานที่ยึดผู้ใช้เป็นอันดับแรกไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น

มองไปข้างหน้า: สิ่งที่อุตสาหกรรมต้องมีให้กับชุมชน

ความคาดหวังเหล่านี้กำลังกำหนดอนาคตของความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม จากการสำรวจ ผู้ใช้กำลังเรียกร้องการป้องกันที่ซับซ้อนและเป็นอัตโนมัติมากขึ้น:62.5% ต้องการการสกัดกั้นธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงแบบเรียลไทม์ ในขณะที่ 63.3% ต้องการการป้องกันมัลแวร์และภัยคุกคามระดับอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังมีความสนใจเพิ่มขึ้นในการตรวจสอบสิทธิ์ด้วยไบโอเมตริกซ์ (54.1%)และการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์สำหรับกิจกรรมบัญชีที่ผิดปกติ (51.2%)ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าผู้ใช้พร้อมสำหรับโซลูชันความปลอดภัยที่ชาญฉลาดและไร้รอยต่อ

ความต้องการเหล่านี้สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมคริปโตที่กำลังเปลี่ยนจากรูปแบบการป้องกันแบบตอบสนองเป็น “เชิงรุก”การให้ข้อมูลผู้ใช้เกี่ยวกับความเสี่ยงไม่เพียงพออีกต่อไป แพลตฟอร์มต้องผสานรวมการป้องกันที่ชาญฉลาดเข้ากับทุกtouchpoint ของ journey ผู้ใช้

การเรียกร้องให้ดำเนินการ: สร้างร่วมกันด้วยความรับผิดชอบ

เนื่องจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การตอบสนองร่วมกันของเราก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย ที่BINANCE TH เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าระบบนิเวศคริปโตที่ปลอดภัยจะเกิดขึ้นได้ผ่านความร่วมมือเท่านั้น ระหว่างแพลตฟอร์ม ผู้ใช้ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม

“นั่นเป็นเหตุผลที่เราลงทุนอย่างมากในการให้ความรู้แก่ผู้ใช้ เพื่อให้พวกเขามีความรู้ ทัศนคติ และทักษะที่จำเป็น เพราะเราเชื่อว่าความรู้คือพลัง ในขณะเดียวกัน เรากำลังใช้มาตรการความปลอดภัยที่ล้ำสมัยบนแพลตฟอร์มของเรา และทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อรักษามาตรฐานสูงสุดของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการปกป้องผู้ใช้ เราสามารถร่วมกันสร้างระบบนิเวศคริปโตที่ไม่เพียงแต่นวัตกรรมและครอบคลุมเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยโดยค่าเริ่มต้นอีกด้วย”