2025-06-27
IDOPRESS
“กกพ.” โล่ง ขัดแย้งตะวันออกกลางไม่กระทบจัดหาแอลเอ็นจีผลิตไฟ แต่ยังไม่วางใจ เตรียม 3 แผนรับมือหากปิดช่องแคบฮอร์มุซ
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. ได้พิจารณาการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ความไม่สงบตะวันออกกลาง เนื่องจากจะส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมัน และแอลเอ็นจีในตลาดโลก เกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงแนวทางบริหารความเสี่ยงจัดหาก๊าซ ให้จัดหาเชื้อเพลิงให้พอต่อความต้องการใช้ก๊าซในภาคไฟฟ้า และอุตสาหกรรมของประเทศ โดยปัจจุบันปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวคงคลังของประเทศอยู่ในระดับสูง และแผนการส่งมอบแอลเอ็นจี จากชิปเปอร์ทุกรายพบว่า ยังไม่มีผลกระทบ แต่ กกพ. จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรองรับความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพพลังงานของประเทศ
อย่างไรก็ตาม กกพ. ได้หารือแนวทางรองรับกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ และไม่สามารถรับแอลเอ็นจี จากประเทศกาตาร์ไว้ 3 แนวทาง
1.เพิ่มการจัดหาก๊าซธรรมชาติทางท่อจากอ่าวไทย รวมถึงแหล่งเจดีเอ และเมียนมา เพิ่มการเรียกรับก๊าซ การบริหาร จัดการปริมาณก๊าซส่วนเพิ่มตามความยืดหยุ่นของสัญญาให้เต็มศักยภาพ
2.จัดหาสปอท แอลเอ็นจี ส่วนเพิ่มจากชิปเปอร์ โดยขอให้ชิปเปอร์ทุกรายไปหารือคู่ค้าแอลเอ็นจีของตน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับเหตุฉุกเฉิน
3.ในกรณีที่ไม่สามารถจัดหาสปอท แอลเอ็นจี เพิ่มเติมได้เพียงพอ หรือกรณีที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยสปอท แอลเอ็นจี สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมัน ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า อาจพิจารณาสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมัน จึงขอให้ ปตท. ตรวจสอบศักยภาพในการจัดส่งน้ำมันและปริมาณความต้องการน้ำมันของโรงไฟฟ้าที่เป็นคู่สัญญาควบคู่ไปด้วย
“กกพ. ได้ติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและการส่งมอบแอลเอ็นจี ของชิปเปอร์ทุกรายอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันไทยจัดหาแอลเอ็นจี ทั้งในรูปแบบสัญญาแบบระยะยาว และสัญญาแบบรายเที่ยวเรือ (เทิร์ม) รวมประมาณ 12 ล้านตันต่อปี โดยในส่วนของสัญญาเทิร์มนั้น จัดหาสัญญาระยะยาวจากประเทศกาตาร์ ปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี เมื่อพิจารณาช่วงครึ่งหลังของปี 68 จะต้องส่งมอบแอลเอ็นจี จากประเทศกาตาร์ รวมทั้งสิ้น 11 ลำเรือ ต้องแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ โดยช่องแคบฮอร์มุซเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญต่อการจัดส่งพลังงานของโลก เนื่องจากมีปริมาณแอลเอ็นจี ที่ต้องผ่านพื้นที่ดังกล่าวจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวม 83 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 20% ของอุปทานก๊าซธรรมชาติเหลวของโลก รวมถึงเป็นช่องทางการค้าน้ำมันมากถึง 30% ของปริมาณการค้าน้ำมันทั่วโลก”