2025-06-19
IDOPRESS
บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะงบก้อนแรก 1.15 แสนล้านบาท ชงครม. ไฟเขียวสัปดาห์หน้า ชี้โครงการน้ำและคมนาคมได้เงินมากสุด 8.5 หมื่นล้านบาท เหลือ 4 หมื่นล้านบาท กันให้ อปท.
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ว่า บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจได้อนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนแรก วงเงินรวมทั้งสิ้น 1.15 แสนล้านบาท ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ จากกรอบวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท พร้อมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา 24 มิ.ย. 2568 เพื่อนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านหลายโครงการ เพื่อศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งระยะสั้น ระยะยาว ทุกหน่วยงานต้องเร่งทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ทำงบผูกพันให้เสร็จภายใน ก.ย. 2568 จากนั้นเริ่มใช้งบประมาณได้ต้นเดือน ต.ค.นี้ และใช้ให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย. 2569
สำหรับงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนแรก 1.15 แสนล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน 85,000 ล้านบาท คิดเป็น 73.7% แยกเป็นโครงการน้ำ 39,136 ล้านบาท คิดเป็น 33.9% และโครงการคมนาคม 45,864 ล้านบาท คิดเป็น 39.8% 2.ด้านการท่องเที่ยว 10,053 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% 3.ด้านการส่งออก/ผลิตภาพ 11,122 ล้านบาท คิดเป็น 9.6% แบ่งเป็นด้านเกษตร 160 ล้านบาท 0.1% ด้านแรงงาน 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% ด้านดิจิทัล 962 ล้านบาท คิดเป็น 0.8.% 4.ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ 9,201 ล้านบาท คิดเป็น 8% แบ่งเป็นกองทุนหมู่บ้าน 4,000 ล้านบาท หรือ 3.5% การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 1,560 ล้านบาท หรือ 1.3% และทุนมนุษย์ด้านการศึกษา 3,641 ล้านบาท คิดเป็น 3.2%
อย่างไรก็ตามในงบประมาณที่เหลืออยู่อีก 4 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นโครงการที่มาจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเบื้องต้นคณะอนุกลั่นกรองฯ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มียอดโครงการที่ขอใช้งบประมาณมารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการเรียกหน่วยงานมาหารือรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อพิจารณาโครงการ ซึ่งยังมีโครงการที่ซ้ำซ้อน และไม่สอดคล้องวัตถุประสงค์ เป็นต้น
“หากดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อระบบจีดีพี 0.5-0.6% แต่หากเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อจีดีพี 0.4-0.5%”
นายพิชัยกล่าวว่าโครงการที่คณะกรรมการฯ อนุมัตินั้น มีการกระจายการลงทุนครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้เฉลี่ยต่อคนน้อย จะได้รับเงินโครงการเข้าไปดูแลมากกว่าจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนมากนอกจากนั้นยังดูในมิติของการจ้างงาน โดยจะช่วยดูแลการจ้างงานกว่า 6-7 ล้านคน และจากวงเงินที่อนุมัติ 1.1 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนเงินค่าจ้างมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30%
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับในที่ประชุมให้ไปดูรายละเอียด และพิจารณาดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดการใช้งบประมาณ และโครงการที่ขอ โดยขอให้คำนึง 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.ขอให้กระทรวงต้นสังกัดที่มีหน่วยงานขอรับงบประมาณให้กำกับอย่างใกล้ชิด หากเจอสิ่งที่ดำเนินการไม่ตรงวัตถุประสงค์ สามารถรายงานคณะกรรมการฯ ได้ เพื่อระงับโครงการ และ 3. ตั้งคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผล เพื่อตรวจทานให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์