แนะภาคธุรกิจเร่งปรับตัวสู่อุตฯใหม่ ดึงจุดเด่นชูแบรนด์สินค้าไทย สู่เวทีโลก

2025-06-05 HaiPress

บีโอไอ-การตลาด-สภาอุตฯ แนะภาคธุรกิจเร่งปรับตัวสู่อุตสาหกรรมใหม่ ดึงจุดเด่นชูแบรนด์ made in thailand สู่เวทีโลก พร้อมพัฒนาทักษะเทคโนโลยี

วันที่ 4 มิ.ย. นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยในงานสัมมนา หัวข้อ ทำอย่างไรให้ไทยไม่โดนทิ้งไว้ปลายแถวผ่านโลกทัศน์เศรษฐกิจไทย 10 ปีย้อนหลัง ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมหลายครั้ง จากภาคการเกษตรมาสู่การส่งออกสินค้าไทย และมาถึงเรื่องการลงทุนที่ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ทันสมัย จนกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า สังคมสูงวัย และการเข้ามาของเทคโนโลยี

ทั้งนี้ ในส่วนของบีโอไอทำคือพัฒนาและต่อยอดของเดิม เช่น เกษตร อาหาร การท่องเที่ยว และสร้างของใหม่ คือเรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เศรษฐกิจแนวใหม่ (บีซีจี) เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง หวังให้ไทยเป็นศูนย์กลาง พร้อมกับต้องพัฒนาบุคลากรมุ่งสู่อัตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น เรื่องดิจิทัล เอไอ ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส เป็นต้น และไทยมีจุดแข็งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งน้ำ ไฟฟ้า และพื้นที่ สามารถรองรับการลงทุน เชื่อว่าไทยจะได้รับประโยชน์ไปสู่เศรษฐกิจใหม่

“ไทยอยู่ในจุดสปอตไลท์นักลงทุน จากนี้แม้มีปัญหาระหว่างประเทศ แต่ไทยมีบทบาทในโลก เป็นสะพานเชื่อมซัพพลายเชน ทั้งสหรัฐ และจีน เนื่องจากไทยมีการวางตัวที่ดี และยังไปได้อีกมาก เพื่อปรับตัวสู่อุตสาหกรรมใหม่ เกิดเศรษฐกิจใหม่ไปสู่ความสำเร็จ”

นายบุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับตัวเปลี่ยนผ่านในเรื่องการตลาด ถ้าจะไปต่อ ต้องหาตัวขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ ให้ไปสู่ยุคเทคโนโลยี หากต้องการเป็นผู้นำ จะต้องมี 3 เรื่อง คือ เป็นเจ้าของเทคโนโลยี เจ้าของตลาด และเจ้าของเงิน โดยไทยปรับตัวได้ดี แต่การตลาด 3.0 กำลังเปลี่ยนยุคไป 4.0 มีความแตกต่างทั้งความเร็ว และขนาดของตลาด ซึ่งจะเป็นตลาดข้อมูล เอไอ

ขณะที่ช่วงเวลานี้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ในส่วนระยะสั้น เกิดสงครามการค้า ทำให้เศรษฐกิจชะลอ ต้องปรับตัวให้รอด และการเข้ามาคู่แข่งรายใหม่ ต้นทุนต่ำ และต้องทำระยะกลาง มาร์เก็ตติ้ง อินเทลลิเจน ศึกษาตลาด เลือกตลาดให้ถูก และใช้เทคโนโลยี เน้นคุณภาพ ปรับรูปแบบให้เข้ากับผู้บริโภค ส่วนระยะยาวต้องปรับรูปแบบทั้งผลิตภัณฑ์ การบริการ และเติบโตไปพร้อมกับคนยุคใหม่ ที่สำคัญต้องลงทุนใหม่ มี thailand national branding และ thailand champion

“ไทยต้องสร้างความหวัง อย่างแรก เรื่อง trust ต้องสร้างความหวังความไว้วางใจ ต้องมี theme เลือกประเทศไทยจะนึกถึงอะไร ต้องมี tone มี team ต้องทำงานร่วมกัน และ transform ปรับเปลี่ยนปรับตัว”

นายอดุล ขาวละออ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สิ่งที่ภาคอุตสาหกรรมเจอ เป็นเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ซัพพลายเชน และต้องเลือกข้าง ซึ่งไทยเลือกข้างแต่ไม่ชัดเจน เป็นจุดหนึ่งที่ให้ไทยเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยยอมรับว่าภาคอุตสาหกรรมมีทั้งปรับตัวอยู่รอด,ปรับตัวไม่ได้ แต่พอไปได้ และมีปรับตัวไม่ได้และไปจริง

ทั้งนี้ สินค้าไทยต้องมีแบรนด์ ที่สำคัญต้องมี made in thailand โดยมองว่าหากสนับสนุนสินค้าไทยให้เกิดขึ้นในโลก ควรเป็นสินค้าให้คนไทยและทั่วโลกพอใจจะใช้ หลักการคือ สินค้าผลิตในไทย ใช้วัตถุดิบในไทย เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานโลก ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐได้สนับสนุนการใช้สินค้าไทย made in Thailand มาประมาณ 34,000 ล้านบาท ถือเป็นก้าวแรกและเชื่อว่าไปได้แน่นอน

ส่วนก้าวต่อไป ข้อเสนอแนวทาง คือ ต้องมี B2G ภาคอุตสาหกรรมไปภาครัฐ ไปสู่ PPP,B2B สินค้าขายไปสู่เอกชน เช่น การใช้มาตรการภาษีจูงใจ หักลดหย่อนภาษี หรือ ได้รับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเร็วขึ้น เป็นต้น พร้อมกับมีแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยด้วย 4 GO ประกอบด้วย GO Digital AI,GO Innovation,GO Green และ GO Global

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 วารสารธุรกิจไทย      ติดต่อเรา   SiteMap