พิชัย รมว.คลัง สั่ง กยศ.ชะลอหักเงินเดือน 3,000 บาท เริ่มงวดเดือนมิ.ย.นี้ ขอรอจนกว่าจะคำนวณหนี้ใหม่เสร็จ ส่วนเดือนพ.ค.ยังต้องโดนหักไปก่อน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชะลอการหักเงินเดือนสำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 3,000 บาทต่อเดือนออกไปก่อน จนกว่าการคำนวณการปรับปรุงยอดหนี้ใหม่ (Recal) จะแล้วเสร็จ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าจะคำนวณแล้วเสร็จทั้งหมดประมาณต้นเดือน ก.ค. 2568 และหลังจากนั้นค่อยมาพิจารณากันใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

“ก่อนหน้านี้ กยศ.ก็ได้ขอเก็บ 3,000 บาทต่อเดือนไปก่อน ซึ่งผมให้สั่งการไปว่าไหน ๆ ก็จะรู้ยอดหนี้ใหม่หลังการคำนวณอยู่แล้ว ก็ควรจะรอให้นิ่งก่อน ดังนั้น ถ้าตรงนี้ยังไม่เสร็จก็ให้ชะลอการเก็บหยุดการเก็บ 3,000 บาทตรงนี้ไปก่อน จากนั้นอีก 1-2 เดือนเมื่อคำนวณแล้วเสร็จค่อยมาว่ากันใหม่ เมื่อทุกคนรู้ยอดหนี้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว”

สำหรับการดำเนินการปรับปรุงยอดหนี้ ได้ทำไปเยอะแล้ว โดยพบว่ามีความชัดเจนแล้วว่ามีผู้กู้ยืมที่จ่ายหนี้เกินประมาณ 2-3 แสนบัญชี ในส่วนนี้จะต้องเร่งติดต่อ ทั้งการส่งข้อความ (เอสเอ็มเอส) และโทรศัพท์​เพื่อให้มาติดต่อรับเงินคืน เนื่องจากกระบวนการตรงนี้จะต้องมีการยืนยันตัวตน (เควายซี) ก่อนคืนเงินด้วย

แหล่งข่าวจาก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาว่า ขณะนี้ กยศ.ได้ชะลอหักเงินเดือน 3,000 บาท แก่ผู้กู้ที่ค้างชำระออกไปก่อน โดยเริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป เพื่อรอดูผลการคำนวณยอดหนี้ใหม่ที่จะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ รวมถึงยอดการชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดวันที่ 5 ก.ค.นี้ ว่ามียอดชำระเข้ามามากน้อยเพียงใด

“รมว.คลัง ให้นโยบายแล้ว ขอให้ชะลอการหักเงินเดือน 3,000 ไปก่อน ดังนั้น กยศ.จะไม่หักเงินเดือนตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนการหักเงินเดือนรอบเดือน พ.ค.นั้น คงจะต้องโดนหักไปก่อน เนื่องจากระบบทำเสร็จไม่ทัน อีกทั้งนายจ้างบางส่วน รวมถึงผู้กู้ยืมที่เป็นข้าราชการก็มีการหักเงินเดือน 3,000 บาทไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินเดือนรอบเดือน เม.ย. และพ.ค.ที่หักไป 3,000 บาทนั้น จะนำไปหักยอดหนี้เดิมที่ค้างไว้ โดย กยศ.จะไม่ต้องนำส่งคืนผู้จ่ายหนี้”

สำหรับนโยบายการหักเงินเดือน 3,000 บาท ภายหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ขอเวลาพิจารณารายละเอียดก่อน  ทั้งในส่วนยอดหนี้ที่มีการคำนวณใหม่ รวมถึงการชำระเงินของผู้กู้ยืม เพื่อมาดูว่าจะมีการหักจำนวนลดลงเหลือเท่าไร หรือจะมีการหักเงินเดือนต่อหรือไม่