2025-05-06
IDOPRESS
ค้านแหลก! แนวคิดคลังขึ้นแวตรีดเลือดกับคนตัวเล็ก ชี้มันใช่เวลามั้ย ท่ามกลางสารพัดปัจจัยเสี่ยง แนะตั้งกองทุนแสนล้านเร่งเอสเอ็มอีปรับตัว
นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงการคลังมีแนวคิดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากผู้ประกอบการที่มีรายได้ขั้นต่ำ 1.5 ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่จะเก็บเฉพาะผู้ประกอบการที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาทต่อปีขึ้นไปว่า ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาให้ดีอีกครั้ง ไม่น่าใช่เวลามาเก็บภาษีกับรายเล็ก รายน้อย รายย่อย เนื่องจากปัจจุบันนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสูง ประกอบกับหนี้ภาคธุรกิจของเอสเอ็มอี และหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งทุน ยังเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจ เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว กำลังซื้อภายในประเทศลดลง ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยังต้องแข่งขันกับสินค้าจากประเทศจีน ทั้งที่มาแบบถูกกฎหมาย และใช้นอมินีถือหุ้น และยังมีสงครามการค้าอีก
สำหรับสิ่งที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยคาดหวังให้รัฐบาลเร่งดำเนิน คือ มาตรการในการบรรเทาความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมทั้งการปราบนอมินีที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง รวมทั้งขอให้จัดตั้ง กองทุนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ 100,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2% แบ่งเป็น 3 กอง
กองที่ 1 วงเงิน 50,000 ล้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางขึ้นไป โดยมีวงเงินสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย
กองที่ 2 วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการปรับตัว โดยมีวงเงินสูงสุด 15 ล้านบาทต่อราย
กองที่ 3 วงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้เอสเอ็มอี โดยมีวงเงินสูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย
นอกจากนี้ ควรเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโคราช-หนองคาย-จีน โครงการรถไฟทางคู่สายใต้เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการแลนด์บริดจ์ หรือแม้แต่เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถ้ามีการเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบในด้านลบไว้รอบคอบแล้ว รวมทั้ง การเร่งลงทุน เพื่อให้เม็ดเงินสะพัด และกระตุ้นการบริโภคเป็นสิ่งจำเป็นมาก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสงครามการค้า ระหว่างจีน และสหรัฐ ที่กำลังส่งผลถึงภาคการส่งออกของไทย ที่ใช้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาประเทศมานานแล้ว
“เราปฏิเสธกลุ่มทุนใหญ่ๆ ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไม่ได้ แต่เราบริหารกลุ่มทุนข้ามชาตินี้ได้ อยากให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับชาวต่างชาติที่ทำผิดกฎหมาย หรือเป็นกลุ่มทุนเทาอย่างจริงจัง อาจต้องศึกษาข้อกฎหมายของประเทศจีน ที่ใช้ปราบปรามกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศ”
“รวมถึงเคร่งครัดกับบริษัทต่างชาติที่ทำไม่ถูกกฎหมาย เช่น ใช้นอมินีในการถือหุ้นแทนสัดส่วนของคนไทย บทลงโทษตามกฎหมายต้องมีความรุนแรงถึงขั้นยึดทรัพย์ และให้เปิดโอกาสกว้างๆ ให้กับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและทำตามกฎหมาย แต่ต้องมาพร้อมกับงานวิจัยดีๆ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และนวัตกรรมใหม่ๆ และให้ออกกฎหมายเพื่อเปิดพื้นที่ให้คนเก่งๆ จากต่างประเทศเข้ามาทำงานในไทย คนกลุ่มนี้จะทำให้ผู้ประกอบการไทยไประดับโลกมากขึ้น”