2024-10-29 HaiPress
เอกชนชี้กกพ.ลดวงเงินประกันใช้ไฟฟ้า 0.8 เท่า ยังน้อยเกินไป ทั้งที่เป็นเงินภาคเอกชนเอง หวังให้เอกชน 1.2 แสนราย มีเงินหมุนเวียนธุรกิจ 2.5 หมื่นล้านบาท สู้ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ ชี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวงบรัฐสักบาท เงินเอกชนล้วนๆ เตรียมทำหนังสือทวงกลับไปอีกรอบ ยันกลุ่มธุรกิจชั้นดี จ่ายแค่ 0.5 เท่าเหมาะสมแล้ว การไฟฟ้ายังมีหลักประกันความเสี่ยงได้
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เห็นชอบลดเงื่อนไขวางเงินประกันใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3 กิจการขนาดกลาง ประเภท 4 กิจการขนาดใหญ่ และประเภท 5 กิจการเฉพาะอย่าง ที่มีประวัติการชำระค่าไฟฟ้าดี เริ่มรอบบิลต้นปี 68 ว่า ต้องขอบคุณทางกกพ.ที่มีมติลดวงเงินหลักประกันการใช้ไฟฟ้า แต่เอกชนยังมองว่า วงเงินที่ลดลงจากเดิม 1 เท่า เหลือ 0.8 เท่า ยังน้อยเกินไป ตามข้อเสนอของส.อ.ท.ไม่ควรเกิน 0.5 เท่า เนื่องจากวงเงินที่วางหลักประกันกับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นเงินของภาคเอกชนเองสูงถึง 54,264 ล้านบาท จำนวน 122,831 ราย ซึ่งเป็นเงินของภาคเอกชนเอง ถ้าคืนมาให้ผู้ประกอบการหมุนเวียนธุรกิจ จะทำให้เสริมสภาพคล่อง ในภาวะภาคธุรกิจอ่อนแอจากภัยคุกคามรอบด้านได้
ทั้งนี้ส.อ.ท.จะยื่นหนังสือกลับไปให้รัฐบาล และกกพ.พิจารณาอีกครั้ง โดยยืนยันข้อเสนอเดิม คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ชำระตามกำหนดในรอบปี คือ กรณีชำระตามกำหนดในรอบ 1 ปี ล่าสุดกกพ.ปรับลดวงเงินค้ำประกันเป็น 1 เท่า ,กรณีชำระตามกำหนด 2 ปีขึ้นไป เหลือไม่เกิน 0.8 เท่า ซึ่งข้อเสนอส.อ.ท.ขอเหลือไม่เกิน 0.5 เท่า ส่วนกรณีผู้ใช้ไฟฟ้าที่ผิดนัดชำระไม่เกิน 4 งวดในรอบปี ล่าสุดกกพ. ยังยืนยันให้วางหลักประกัน 1.25 เท่า แต่ส.อ.ท. ขอให้เหลือไม่เกิน 1 เท่า ขณะที่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ถูกงดจ่ายไฟฟ้าไม่ว่ากรณีใดๆ เดิมไม่เกิน 2 เท่า ขอปรับเป็นไม่เกิน 1.25 เท่า
“ ถ้าลดวงเงินประกันจาก 1 เท่า เหลือ 0.8 เท่า จะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าระบบประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท แต่ถ้าเหลือ 0.5 เท่า ตามที่เอกชนเสนอไป จะทำให้มีเงินเข้ามาไหลเวียนในระบบ 25,000 กว่าล้านบาท เอกชนรู้อยู่จะให้ยกเลิกทั้งหมดไม่ได้ เพราะการไฟฟ้าเอง ก็ต้องมีเงินหลักประกันก็ต้องมีหลักประกันความเสี่ยง กรณีที่ผู้ประกอบการค้างจ่ายค่าชำระ แต่ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ที่ได้รับการลดหลักประกันเป็นเอกชนที่มีประวัติการชำระชั้นดี ไม่เคยค้างจ่าย เป็นการการันตีได้อยู่แล้ว และการไฟฟ้าตรวจสอบติดตามการจ่ายแล้วอยู่แล้ว แล้วเงินที่ขอคืนมาเป็นเงินของภาคเอกชนเอง ไม่ต้องคิดมาก เราขอเงินของเราคืนมาบางส่วนเพื่อมาหมุนเวียนธุรกิจ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณรัฐบาลแต่อย่างใด ตอนนี้อยากให้ช่วยกันในภาวะที่ภาคเอกชนกำลังลำบากจากภาวะเศรษฐกิจ”
ที่ผ่านมานายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการกกพ. ระบุว่า ที่ประชุมกกพ.เห็นชอบข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงเงื่อนไขการวางเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้แก่ ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 3 กิจการขนาดกลาง ประเภท 4 กิจการขนาดใหญ่ และประเภท 5 กิจการเฉพาะอย่าง ที่มีประวัติการชำระค่าไฟฟ้าดี โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ) ปรับปรุงเงื่อนไขการวางเงินประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่มีประวัติการชำระค่าไฟฟ้าดี ตามแนวทางที่ กกพ.ได้วางไว้ ซึ่งกกพ.พิจารณาทั้งผู้ประกอบการธุรกิจ และคู่สัญญาคือการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายด้วย เพราะหากเกิดกรณีไม่ชำระค่าไฟฟ้า หรือค้างชำระค่าไฟฟ้าเกินกำหนด หรือละเมิดการใช้ไฟฟ้า จะเป็นความเสี่ยงและเกิดภาระต้นทุนของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเองก็ต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าไปให้ผู้ใช้ก่อนแล้วค่อยเรียกเก็บเงินค่าไฟในภายหลัง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยมติดังกล่าวกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่รอบบิลต้นปี 68 เป็นต้นไป