2024-06-07 HaiPress
เปิดมุมมองเศรษฐกิจไทย GDP ปี 2567 ขยายตัวต่ำเพียง 2.4-2.5% พร้อมคาดแบงก์ชาติอาจคงดอกเบี้ยไทยไว้ตลอดปีนี้ 2.50% แม้มีโอกาสลดลงได้ 1 ครั้ง
วันที่ 5 มิ.ย. “นลิน ฉัตรโชติธรรม” นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ซิตี้แบงก์คาดการณ์เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 67 ขยายตัว 2.5% และจีดีพีปี 68 ที่ 3.2% ด้านมูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเติบโต 2% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวคาดว่าจะมีจำนวน 36.5 ล้านคน ในปี 67 และ 41 ล้านคนในปี 68 โดยมีปัจจัยความเสี่ยงขาลงในไตรมาส 3 จากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและความรวดเร็วในการเบิกจ่ายทางการคลัง โดยเห็นถึงความเสี่ยงขาขึ้นจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและการท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะยังไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากจีดีพีไตรมาส 1 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งยังคงมีความกังวลด้านเสถียรภาพในระยะยาว แต่มองว่ามีโอกาสเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในเดือน ส.ค.มาอยู่ที่ 2.25% เนื่องจากความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ หากภาคการส่งออกฟื้นตัวมากขึ้นและภาครัฐมีการเร่งการใช้จ่าย ความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงอยู่ที่ 2.50% จะมีมากขึ้น แม้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดจะเป็นปัจจัยที่สำคัญน้อยกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศต่อการตัดสินใจของ กนง. แต่สังเกตว่า ธปท.มีการติดตามความผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
“วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” ได้ปรับลดประมาณการจีดีพีปี 67 จาก 2.7% เหลือ 2.4% เพราะการส่งออกที่อ่อนแอและมีแนวโน้มเติบโตต่ำเพียง 1.8% จากเดิมคาด 2.5% จากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตซึ่งทำให้การส่งออกกระจุกตัวในสินค้าประเภทที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง
นอกจากนี้ ภาคส่งออกยังเผชิญความเสี่ยงจากสงครามการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทวีความรุนแรงในอนาคต,การอนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 ที่ล่าช้ากว่าคาด ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐในปีนี้มีแนวโน้มหดตัว 1.1% และการลงทุนภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากความอ่อนแอของภาคส่งออกและความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ แต่เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงหนุนบ้างจากภาคบริการที่เติบโตดีหนุนให้การลงทุนภาคเอกชนในปีนี้เติบโตที่ 3.0%
ขณะที่ ดอกเบี้ยนโยบายของไทย มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยมีน้อยลงอย่างชัดเจน คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ใกล้เคียงกับที่ ธปท. ได้ประมาณการไว้ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปน่าจะทยอยปรับดีขึ้นสอดคล้องกับการประเมินของ ธปท. และหลักการดำเนินนโยบายการเงินที่อาศัยการคาดการณ์เศรษฐกิจเป็นเครื่องชี้นำ
อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ตั้งแต่ในช่วงกลางปี 67 และที่สำคัญ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐหลายแห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งช่วยลดความจำเป็นสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวงกว้าง