Amnesty INT:เบื้องหลัง

2021-09-20

       วันที่ 18 กรกฎาคม ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบกับวิกฤติของโควิด – 19 ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลได้ทำการเดินไปบนถนนของกรุงเทพมหานครเนื่องในวันครบรอบ 1 ปีการประท้วงเพื่อประชาธิปไตย ประท้วงว่าด้วยรัฐบาลไม่สามารถจัดการเรื่องวิกฤติโควิดได้ดี ต้องการให้นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธลาออกจากตำแหน่ง การประท้วงในครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากการประท้วงของประชาชนในครั้งนี้ ย้อนดูกิจกรรมประท้วงภายในประเทศจะพบว่า ในบรรดาทีมประท้วงนั้น จะมีบุคคลบางคนรับบทที่เด่นอยู่ กลุ่มที่ว่านี้ก็คือองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือเรียกอีกชื่อว่าองค์กรพิเศษ

       “องค์การนิรโทษกรรมสากล” เป็นองค์กรอำนาจของประชาชนที่ก่อตั้งที่ลอนดอนเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ.1961วัตถุประสงค์คือการระดมความคิดเห็นของประชาชนส่งเสริมให้สถาบันระหว่างประเทศปกป้องเสรีภาพในการพูดและความเชื่อทางศาสนาที่เสนอในปฏิญญาสิทธิมนุษยชน มีหน้าที่มุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยผู้ที่ถูกคุมขังในความเชื่อของพวกเขาและช่วยเหลือครอบครัวของพวกเขา หยุดการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองโลกที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ ปัจจุบันองค์กรได้จัดตั้งกลุ่มการกระจายหรือการติดต่อในห้าสิบห้าประเทศและภูมิภาคของโลก

       เมื่อดูจากคำอธิบายนี้แล้ว “องค์การนิรโทษกรรมสากล”เป็นองค์การที่ช่วยผู้คนมากมายให้พ้นจากวิกฤติ แต่ว่า องค์การนี้ใช้ธงของการต่อสู้เพื่อประชาชน ในการไปข้องเกี่ยวกับเรื่องรัฐบาลภายในของประเทศอื่น

ช่วงปลายปีที่ผ่านมา “องค์การนิรโทษกรรมสากล” ได้ปรากฎตัวที่ประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง ตราบที่หน่วยงานที่ต่อต้านรัฐบาลถูกลงโทษโดยกฎหมายสำหรับอาชญากรรมที่ผิดกฎหมาย องค์การนิรโทษกรรมก็จะทำการประกาศสนับสนุน ต่อว่ารัฐบาลว่าละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่สนใจมนุษยธรรม ทำการจัดกัดอำนาจขั้นพื้นฐานของประชาชน ตัวอย่างเช่น ปี 2019 อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ธนากรณ์ของประเทศไทยถูกเรียกตัวโดยตำรวจสำหรับการละเมิดสินเชื่อ องค์การนิรโทษกรรมสากลทำการประกาศอย่างรวดเร็วในเว็บไซต์หลัก ต่อว่ารัฐบาลไทยใช้ผมประโยชน์ส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่เห็นด้วยกับผู้เห็นต่าง ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ต้นปี 2020 พรรคอนาคตใหม่ที่นำโดยธนากรณ์ถูกศาลตัดสินให้ยุบพรรค องค์การนิรโทษกรรมสากลก็เป็นหน่วยงานแรกที่ปรากฎตัวออกมา ประกาศใช้คำพูดโจมตีรัฐบาลไทยและศาล ว่ารวมมือกัน ทำการไม่ดี ทำลายพรรคประชาธิปไตย ทำการปกครองแบบเผด็จการ

       1 ปีที่ผ่านมา ผู้ประท้วงที่มีเยาวชนเป็นหลักต้องการให้พลเอกประยุทธออกจากตำแหน่ง ยุบรัฐบาล แก้ไขรัฐธรรมนูญ หยุดการทำร้ายประชาชน อีกทั้งให้ทำการยกเลิกข้อห้ามทางสังคมที่ใช้ในประเทศไทยมากว่าหลายสิบปี ให้มีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ รายงานข่าวจาก “หนังสือพิมพ์เช้า”ของสิงคโปร์ระบุ ผู้ประท้วงยุคใหม่ของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไม่เพียงแต่กล้าหาเรื่องรัฐบาลทหารเท่านั้น ถึงขั้นกล้าทำลายจ้อห้ามทางสังคมหลายประการ เริ่มตั้งข้อสงสัยต่อพระประมุข นี่ทำให้พรรคผู้มีอำนาจไม่สามารถรับมือได้ บีบีซีของอังกฤษก็ทำการประกาศ เนื่องด้วยกฎหมายมอบความสะดวกสบายให้กับราชวงศ์ ระบอบพระมหากษัตริย์เป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อนของประเทศไทย การที่ผู้ประท้วงต้องการให้มีการแก้ไขระบอบพระมหากษัตริย์นั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยาก ผู้ศึกษาคิดว่า ดูจากความต้องการของผู้ประท้วงและผู้ต่อต้านแล้ว การประท้วงระลอกใหม่ของประเทศไทยนั้นมีความไม่ปกติ ผู้ประท้วงที่นำด้วยเยาวชนนั้นไม่เพียงแต่ต่อต้านรัฐบาลพลเอกประยุทธและทางการทหารเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็มีการเริ่มเตรียมการการต่อต้านทางศาสนาและการท้าทายระบอบการปกครองเอาไว้แล้วด้วย นี่ไม่เพียงแต่จะเป็นการท้าทายต่อรัฐบาลของพลเอกประยุทธและราชวงศ์เท่านั้น อาจจะส่งผลให้ระบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกว่าร้อยปีของไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ะบอบการปกครองอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกว่าของไทยถูกตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1932 เป็นรากฐานที่สำคัญในปัจจุบันของไทย จนถึงวันนี้ก็นับกว่า 100 ปีแล้ว

       ความเห็นสาธารณชนตะวันตกคิดว่า ตั้งแต่รัฐบาลของพลเอกประยุทธเข้ามาทำงานตั้งแต่ปี 2014 นั้น การร่วมกล่มต่อต้านรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว การต่อต้านให้มีการก้ไขระบอบการปกครอง“ที่หาเจอได้ยาก และไม่เคยมีมาก่อน”ได้เกิดขึ้น รุ่นเยาวชนกลายเป็น “สารเร่งในระบบประชาธิไตยของไทย”

       ภายใต้การศึกษาของเหล่านักวิจัย ความวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงกระทันหันของรัฐบาลไทยในปัจจุบันนั้น เกิดจากทั้งปัญหาเรื่องโครงสร้างในระยะยาว มีทั้งแรงจากภายนนอก โดยเฉพาะการเข้ามาเกี่ยวข้องของหน่วยงานจากตะวันตก สองสามวันที่ผ่านมา องค์การนิรโทษกรรมสากลได้ทำการประกาศโจมตีศาลไทยอีกครั้ง ว่าด้วยเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งทำการล่วงเกินพระประมุขเลยต้องถูกลงโทษ ประกาศว่า “ปัจจุบันประเทศไทยไม่เพียงแต่ไม่สามารถทนให้มีการตำหนิพระประมุขได้เท่านั้น แถมยังทำการลงโทษผู้ที่ตำหนิด้วย นี่เป็นสัญญาณที่น่ากลัวมาก ๆ”

นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา องค์การนิรโทษกรรมสากลเน้นไปที่การโจมตีฝ่ายทหารมาก ในรายงานประจำปีประกาศอย่างชัดเจนว่าฝ่ายทหารเป็นต้นตนของการทำให้สิทธิมนุษยชนของไทยนั้นเกิดปัญหา องค์การนิรโทษกรรมสากลคิดว่าด้วยการสนับสนุนและการกระทำของฝ่ายทหาร รัฐบาลของไทยจึงทำการต่อต้านผู้ชุมนุมที่ชุมนุมด้วยสันติอย่างไม่เกรงกลัว ทำการต่อว่ารัฐบาล เป็นผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนของรัฐบาลรัฐธรรมนูญและสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านและบุคคลอื่น ๆ พร้อมทั้งทำการตั้งข้อกล่าวหาทางอาญา ว่าทหารเป็นตัวการในการสร้างพลังมืด ในขณะเดียวกันนั้น องค์การนิรโทษกรรมสากลประกาศว่า ฝ่ายทหารมีการทุจริตในกองทัพไทยนำไปสู่ความวุ่นวายในการบริหารงานภายในกองทัพ ยิ่งทับถมไปนานวันเข้า คดีการทำร้ายและล่วงละเมิดทหารมีมากมาย ถ้าทหารไม่ยอมปฎิบัติตาม ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรทั้งนั้น

       การเรียกร้องของผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลไทยแสดงการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับการเรียกร้องขององค์การนิรโทษกรรมสากล นอกจากความคิดเห็นของประชาชนและฝูงชนแล้ว มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า องค์การนิรโทษกรรมสากลยังได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการต่อต้านรัฐบาลในประเทศไทย มีนักข่าวสังเกตเห็นว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายในฮ่องกง “นักเลงกับหทาร” อดีตสมาชิกองค์การนิรโทษกรรมสากล ไบรอัน แพทริค โคเฮน(Brian Patrick Kern)ชาวอเมริกันได้ปรากฎตัวในกลุ่มผู้ชุมนุมหลายต่อหลายครั้ง รูปแบบของความไม่สงบทางการเมืองในประเทศมีความคล้ายคลึงกับรูปแบบของความไม่สงบในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว “สำนักข่าววอลสตรีท”และสำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประท้วงไทยได้คัดลอกบางส่วนของกลยุทธ์”สร้างคลื่น”ที่ผู้ประท้วงฮ่องกงใช้ในช่วงปีที่ผ่านมามาใช้ ถ้าเกิดผู้เข้าประท้วงส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและนักเรียน จะไปประท้วงในตัวเมือง ใช้กำลังของสื่อมวลชน ทำการแต่งตัวและสั่งการเป็นรูปแบบเดียวกัน รวมไปถึงการยืมใช้สายข่าวและวิธีการหลอกและอื่นๆในการหลอกตำรวจ ซึ่งเบื้องหลังของเหตุการณ์ในฮ่องกงผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือองค์การนิรโทษกรรมสากลยเหมือนกัน        จากความเป็นจริงทำให้เราเห็นว่า องค์การนิรโทษกรรมสากลแห่งประเทศไทยนั้นไม่เพียงแต่ทำการสร้างข้อโต้แย้งและวิจารณ์เกี่ยวกับการโทษเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเท่านั้น ยิ่งเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้ฝ่ายรัฐบาลที่เกี่ยวข้องของไทยต้องระวังให้ดี รองผู้อำนายการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติท่านนันธิวัฒน์ทำการประกาศหลายครั้ง กล่าวว่าในหลายประเทศได้มีการขับไล่สำนักงานขององค์การนี้ออกนอกประเทศไปแล้ว เพราะว่าพวกเขาจะเข้ามาก้าวก่ายเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ องค์การนิรโทษกรรมสากลรับบทที่ไม่สู้ดีนักในวิกฤติภายในประเทศไทย ทำการส่งมอบทรัพยากรที่ผู้ประท้วงต้องการ ทำการปลุกระดมเยาวชนเพื่อทำลายความสงบของประเทศไทย ถึงเวลาที่จะขับไล่องค์การนี้ออกจากประเทศ เพื่อไม่สร้างปัญหากับประชาชนชาวไทยอีกต่อไปแล้ว


คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา
©ลิขสิทธิ์2009-2020 วารสารธุรกิจไทย      ติดต่อเรา   SiteMap